วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2561

5 สถานที่เที่ยวในเกาหลีใต้ ที่คุณห้ามพลาดเด็ดขาด อัพเดท 2018

เกาหลีใต้เป็นอีกหนึ่งประเทศที่คนประเทศไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยว เนื่องจากว่าใช้เวลาเดินทางไม่นานแค่เพียง 5-6 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว แล้วก็ยังเป็นประเทศไม่ต้องขอวีซ่าท่องเที่ยวอีกด้วย ถ้าเกิดจะเอ๋ยถึงสถานที่เที่ยวในประเทศเกาหลีนั้นจริงๆแล้วมีจำนวนมากหลายที่ ด้วยเหตุนั้นคนไหนกำลังแพลนลานท่องเที่ยวหรือกำลังตัดสินใจว่าจะท่องเที่ยวประเทศไหนดี ทดลองตามมาดู 15 สถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดในเกาหลี แล้วจะต้องอยากไปเที่ยวแน่ๆ


1. วังเคียงบกกุง Gyeongbokgung Palace
พระราชสำนักเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) หรือเรียกอีกแบบหนึ่งว่า “พระราชวังคยองบกกุง” เป็นอีกทั้งสัญญลักษณ์แล้วก็สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของกรุงโซล วังที่มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในกรุงโซล สร้างขึ้นในปี 1394 ในยุคพระผู้เป็นเจ้าแทโจ ราชวงศ์โชซอน แต่เดิมนั้นข้างในพระราชสำนักมีอาคารและก็ตำหนักต่างๆมากกว่า 200 ข้างหลัง แม้กระนั้นเมื่อมีการรุกรานของญี่ปุ่น ตึกโดยมากก็ได้ถูกทำลายลงหลงเหลืออยู่เพียงแต่ 10 ข้างหลังเพียงแค่นั้น

2. เกาะนามิ สุดโรแมนว่ากล่าวค Namiseom Island
เกาะนามิมีต้นเหตุมาจากผลการกั้นน้ำเพื่อสร้างเขื่อน มีพื้นที่โดยประมาณ 270 ไร่ มีลักษณะเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว บนเกาะนี้มีชื่อเสียงในหมู่คนประเทศเกาหลีมานานด้วยเหตุว่ามีธรรมชาติที่สวยยังมีสัตว์เล็กๆอาศัยอยู่ตามธรรมชาติอย่างเช่น กระรอก กระแต นก หงส์ ห่าน รวมถึงนกกระจอกเทศด้วย และก็ตรงนี้จะนำสายไฟลงใต้ดินทั้งปวง เพียงรักษาความเป็นธรรมชาติเอาไว้ โดยช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวมาสูงที่สุดจะเป็นตอนๆฤดูใบไม้ร่วง เนื่องจากต้นไม้มากมายก่ายกองตรงนี้จะเปลี่ยนสีเหลือง สีแดง สีส้ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟุตบาทใต้ต้นแปะก๊วยที่จะเปลี่ยนใบเป็นสีเหลืองสดงามมากมาย แม้กระนั้นตรงนี้คนจะมากตลอดทุกฤดู

3. ทางรถไฟดอกซากุระคยองฮวา – Gyeonghwa Station
ทางรถไฟดอกซากุระคยองฮวา – Gyeonghwa Station เป็นหนึ่งในจุดชมซากุระที่งามลำดับต้นๆของประเทศเกาหลีเลยก็ว่าได้ โดยสามารถแลเห็นรถไฟที่วิ่งมาจอดที่สถานีพร้อมด้วยวิวอุโมงค์ดอกซากุระที่เรียงรายกันอยู่เต็มทั้งสองข้างทางในช่วงราวต้นเดือนม.ย. สถานีรถไฟคยองฮวาแห่งนี้เป็นสถานีเล็กๆที่อยู่ที่เมืองจินแฮ (Jinhae) จังหวัดเคียงซังนัมโด (Gyeongsangnam-do) ได้มีการยกเลิกการใช้งานไปแล้วตั้งแต่ปี 2015 แต่จะเปิดให้รถไฟวิ่งเฉพาะในตอนเทศกาล Jinhae Gunhangje Festival ซึ่งเป็นเทศกาลชมดอกซากุระที่จัดเป็นอย่างมากใหญ่ของเมืองจินแฮ แต่รถไฟนั้นจะมิได้มาจอดที่สถานี เพียงแต่ใช้เป็นทางผ่านไปยังสถานีอื่นๆ

4. อุโมงค์ซากุระ คลองยอชวาชอน – Yeojwacheon Stream
อุโมงค์ซากุระ คลองยอชวาชอน – Yeojwacheon Stream ยอดเยี่ยมในจุดที่มีชื่อเยอะที่สุดสำหรับการชมดอกซากะของเมืองจินแฮ เริ่มเป็นที่รู้จักกันภายหลังจากซีรีย์เรื่อง Romance ถ่ายทอดเมื่อปี 2002 ซึ่งใช้คลองที่นี้เป็นฉากสำหรับในการถ่ายทำ เลื่องลือจนกระทั่งมีชื่อเรียกสะพานที่ใช้ผ่านคลองตามชื่อซีรีย์นั่นก็คือ Ramance Bridge

ในทุกๆม.ย.ของทุกปีซึ่งเป็นช่วงๆที่มีเทศกาลดูดอกซากุระ ที่คลองที่นี้จะเต็มไปด้วยนักเดินทางที่เดินทางมาชมความสวยสดงดงามของดอกซากุระ สามารถเดินเล่นได้ทั้งข้างบนสะพานรวมทั้งข้างล่างซึ่งจะมีทางเท้ายาวตลอดแนวเรียบไปกับคูน้ำ รวมทั้งยังมีดอกเรปซีดซึ่งเป็นดอกไม้ต้นเล็กมีดอกสีเหลืองบานพร้อมกันซากุระอีกด้วย แต่ละปีก็จะมีการประดับตกแต่งบริเวณคลองในตอนที่จัดงานเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นการนำร่มที่สีสันสดใสมาห้อยไว้หรือจะเป็นโคมรูปหัวใจน่ารักน่าเอ็นดูๆรวมทั้งในตอนยามค่ำคืนก็จะเปิดไฟประดับสวยสดงดงามมากมาย


5. เขตช้อปปิ้งเมียงป่า หรือ มยองดง
บริเวณช้อปปิ้งเมียงมองดง หรือ มยองป่า (Myeong-dong) ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโซล เป็นบริเวณช้อปปิ้งที่ได้รับความนิยมแล้วก็คักคักที่สุดของกรุงโซล ล่อใจนักเดินทางได้มากกว่า 1 ล้านคนต่อวัน อีกทั้งยังสามารถเดินทางได้สบาย ถือว่าเป็นศูนย์กลางของการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมอย่างยิ่งจริงๆ ภายในตลาดเมียงมองป่าดงเต็มไปด้วยร้านค้า และร้านอาหารนับไม่ถ้วน เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตของนักเดินทางและนักช้อป

ห้าง
ห้างที่ใหญ่ที่สุด เป็นต้นว่า ห้างลอตเต้(Lotte) กับห้างคุ้นชินเซมึง(Shinsegae) ส่วนร้านอื่นๆก็ตั้งอยู่ทุกซอกมุม รวมทั้งร้านหาบเร่ข้างถนนที่จำหน่ายเสื้อผ้า เครื่องเพชรพลอย เครื่องแต่งหน้า สินค้าอื่นๆในราคาถูก รวมทั้งอาหารว่างแสนอร่อย โดยเถ้าแก่โดยมากสามารถพูดภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น จีน และก็ไทยได้


เป็นไงบ้าง 5 สถานที่เด็ดไหม สามารถติดตามดูการจัดสถานที่เที่ยวในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งมีอีกเยอะมากจริงๆประเทศนี้เที่ยวยังไงก็ไปไม่หมดง่ายๆหวังว่าเพื่อนๆคงถูกใจ รวมทั้งติดตามบทความของพวกเรา ใครพอใจได้โปรดแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่านกันด้วยนะ แล้วเจอกันตอนใหม่

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ทัวร์เกาหลี

5 สถานที่เที่ยวในประเทศประเทศพม่าที่คุณจะต้องไป ไม่ใช่แค่การไปไหว้พระ อัพเดท 2018

แม้พูดถึง ประเทศพม่า เพื่อนบ้านที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเมืองไทย โดยมากผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยมักรำลึกถึงการไปไหว้พระเท่านั้น แต่ความจริงพม่า ยังมีสถานที่เที่ยวน่าดึงดูดหลายสไตล์ ที่ควรค่าแก่การไปสัมผัสสักหนึ่งครั้ง วันนี้พวกเราสะสม 5 สถานที่เที่ยวพม่า นอกเหนือจากการไหว้พระ มาให้ทุกคนรู้จัก จะมีที่แห่งไหนบ้างนั้น มาดูกันเลย

1. เมืองพม่า ทะเลเจดีย์และวิถีชีวิตแบบพุกามๆ
นับว่าเป็นโชคดีของชาวพูกาม ที่พุทธก้าวหน้าถึงระดับสูงสุดด้วยเหมือนกันในช่วงเวลานั้น ทำให้พระเจ้าอโนรธามังช่อรับเอาศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ พระองค์สร้างเจดีย์แห่งแรกขึ้น ชื่อ “เจดีย์ชเวซีโกน” จากนั้นกษัตริย์รุ่นต่อๆมา รวมถึงเสนาบดีแล้วก็ผู้มีอันจะกินทั้งหลายในพม่าก็ระดมสร้างวัด สร้างเจดีย์กันเต็มพื้นที่ไปหมด คงเพราะความเชื่อถือที่ว่า ยิ่งเล่นใหญ่ เอ๊ย!! ยิ่งสร้างวัดใหญ่มโหฬารเพียงใด ยิ่งได้บุญกุศลบารมีมากเท่านั้น

อาณาจักรพูกามเคยเจริญแค่ไหนพวกเราอาจจะไม่ต้องเล่า เพราะเหตุว่าแทบ 1,000 ปีที่ล่วงเลยไปทั้งหมดทุกอย่างได้พิสูจน์ตัวเองไปเป็นระเบียบแล้ว ตัวเราต่างหากที่จำเป็นต้องมาพิสูจน์ความยิ่งใหญ่นั้นด้วยตาของเราเอง จากเจดีย์กว่า 4,446 องค์ วันนี้เหลือเพียงแค่ 2,200 กว่าองค์ ไม่รีบมาดูซะวันนี้ก็ไม่รู้จักว่าอีกหน่อยจะเหลือให้ดูแค่ไหน

2. ตะลุยสวนน้ำ Yangon Water Boom
ถ้าหากโลกนี้มันร้อนนัก ก็ไปพักเล่นน้ำกันที่สวนน้ำ Yangon Water Boom กันเลยดีกว่า! สถานที่เที่ยวในพม่า อีกแห่งที่อยากเชิญชวนคุณมาคลายร้อน โดยสวนน้ำ Yangon Water Boom ถือเป็นสวนน้ำแห่งแรกของเมียนมาร์ ตั้งอยู่ในเมืองย่างกุ้ง ตรงนี้คุณจะได้พบกับสไลด์เดอร์สุดแจ๋วระดับโลก อีกทั้ง “Free Fall Slides” หวาดเสียวกับสไลด์เดอร์ที่มีความสูงถึง 15 เมตร! ให้ท่านไหลลื่นลงมาด้วยความเร็วกว่า 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง เรียกว่าเสียวกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว หรือจะเป็น “Python” ให้ท่านรวมทั้งเพื่อนฝูงๆนั่งสไลด์เดอร์ไปสนุกร่วมกัน ผ่านท่อสีเขียวที่คดไปคดมา ยาวกว่า 60 เมตร! นอกจากนั้นยังมีโซนสำหรับคุณหนูอย่าง “Kiddy pool” สนามเด็กเล่นที่ให้น้องๆได้ชุ่มฉ่ำกับสายน้ำเย็น พร้อมบริการอุปกรณ์สำหรับอำนวยความสะดวกล็อกเกอร์ บังกะโล ซาลอน ร้านอาหาร ร้านขายของของที่ระลึก อย่างครบถ้วน หนีร้อนไปสนุกสนานกับสวนน้ำในปิ้งกุ้งกันเลยดีกว่า

3. เที่ยวสะพานอูเบ็ง สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในโลก!
สะพานไม้โบราณ ที่แก่กว่า 200 ปี ทอดยาวด้วยความยาว 1,200 เมตร ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน สร้างด้วยไม้ปริมาณพันกว่าต้น พวกเราสามารถเดินดูสะพานไม้ไปเรื่อยได้ แล้วก็ยิ่งในช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์กำลังจะตกลงน้ำ(ดิน) บรรยากาศรอบๆบริเวณสะพาน จะมองเห็นได้ว่าแสงพระอาทิตย์เป็นประกายกับสายน้ำ นอกจากจะได้ชมความสวยสดงดงามของดวงอาทิตย์ขึ้นและก็ตกแล้ว ยังได้เห็นวิถีชีวิตของคนเมียนมาด้วย เป็นประสบการณ์ที่สุดตราตรึงใจกันอย่างยิ่งจริงๆ

ของร้านขายเครื่องดื่ม ขายอาหารบนเกาะ ชมดวงอาทิตย์ตกในทะเลสาบ แถมมีปลารวมทั้งกุ้งใหม่ๆจากทะเลสาบ ให้ได้ลิ้มชิมรส นั่งพักผ่อนสบายๆแล้วรอคอยดูพระอาทิตย์ตกได้อีกด้วย แนวทางในที่สุดเป็นวิธีที่เสียตังต่ำที่สุด คือ สามารถยืนชมวิวบนสะพานได้เลย ได้สัมผัสบรรยากาศไปอีกคนละแบบแรง

4. ทะเลสาบอินเล ทะเลสาบน้ำจืด แล้วก็วิถีชีวิตคนอินเล
ทะเลสาบอินเล ตั้งอยู่กลางประเทศพม่าเลยก็ว่าได้ ทะเลสาบอินเลอยู่ในเมือง Nyaung Shwe เมืองเล็กๆที่ชาวบ้านดำรงชีวิตท่ามกลางทะลสาบ .. หื้มมม? เป็นชาวบ้านเค้าสร้างบ้านรวมทั้งอาศัยกันในทะเลสาบเลยแกรเอ้ยยย ทีนี้เนี่ย แน่นอนการดำรงชีพแล้วก็การเพาะปลูกหรือทำการเกษตรของเค้าจะต้องเกี่ยวกับทางทะเล อย่างเช่น การปลูกมะเขือเทศบนสวนลอยน้ำ การสร้างบ้านแบบเสาค้ำกลางน้ำ รวมทั้งยานพาหนะต้องอย่างเรือ ที่แน่ๆมีหยุดอยู่ทุกบ้าน แล้วที่สุดของทะเลสาบอินเลเป็นความสามารถพิเศษของชาวอินคาเนี่ยล่ะ การพายเรือด้วยเท้าด้านเดียวสำหรับเพื่อการเดินทางรวมถึงจับสัตว์ในน้ำที่ไม่เหมือนใครในโลก ดังมากเว้ย ดังจนที่นี่เป็นอีกเป้าหมายนึงที่นักท่องเที่ยวจะต้องมาดูเลยล่ะ รู้แบบนี้แล้วตามไปเลยสิจ้าา


5. สัมผัสเกาะหัวใจมรกต ที่ทะเลเมียนมาร์.
เกาะค๊อกคอม เกาะหัวใจมรกต (Cocks Comb) เป็นเกาะที่อยู่ในทะเลอันดามัน ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งจังหวัดระนองเพียงแต่โดยประมาณ 81.2 กิโลเมตรเพียงแค่นั้น เกาะแห่งนี้มีลักษณะเป็นเกาะหินปูน ไม่มีชายหาด มีช่องว่างอยู่กึ่งกลางเกาะ คล้ายกับปากปล่องภูเขาไฟ มีช่องเล็กๆให้น้ำทะเลเข้าไปได้ ถ้าหากมองดูจากมุมสูงจะมีความเห็นว่าช่องตรงกลางนี้มีรูปร่างคล้ายกับรูปหัวใจ เมื่อมีน้ำสมุทรสีฟ้าอมเขียวใสแจ๋วเข้าไปในนั้น เพิ่มเติมกับรอบๆรอบปากปล่องมีต้นไม้สีเขียวขจี ทำให้รูปร่างหัวใจนี้เห็นแจ่มกระจ่าง จนได้รับการขนานนามจากชาวไทยว่าเป็น “เกาะหัวใจมรกต” ซึ่งฝรั่งจะรู้จักกันในชื่อ “Hidden Lagoon”


มองเห็นไหมล่ะว่า การไปท่องเที่ยวพม่า ก็มิได้มีแต่ว่าการไปไหว้พระ หรือ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างเดียวแค่นั้น พม่ายังมีแหล่งธรรมชาติงามๆอีกเยอะแยะ โดนใจคนถูกใจท่องเที่ยวชิลล์ๆสไตล์สโลว์ไลฟ์ ถ้าหากมีโอกาสทดลองไปเปิดมุมมองใหม่ให้การท่องเที่ยวพม่ากว้างขึ้นกว่าเดิม

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ทัวร์พม่า

วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2561

5 สุดยอดสถานที่เที่ยวในเวียดนามที่คุณจำเป็นต้องไป อัพเดท 2018

เมื่อเอ๋ยถึงเวียดนามใครๆก็ชอบรำลึกถึง โฮจิมินห์ เมืองหลวงทางตอนใต้ แม้กระนั้นรู้ไหมมีสถานที่เที่ยวใหม่ๆน่าดึงดูดอีกเยอะมากในเวียดนามที่เดี๋ยวนี้กำลังเป็นกระแสอย่างยิ่งๆที่คุณไปเวียดนามต้องไม่พลาด เรามาอัพเดทกันวันท่องเที่ยวเวียดนามทั้งทีจำต้องสุดๆ5 สถานที่ที่แหน่งใดกันบ้าง เริ่มกันเลย

1. ท่องเที่ยวบาน่าฮิลล์ ดานัง (Bana Hill, Danang)
บานาฮิลล์ เป็น โรงแรม บนยอดดอย อยู่ห่างจากเมืองดานังโดยประมาณ 40 กม. ใช้เวลาเดินทางราวๆ 40-50 นาที ส่วนประวัติความเป็นมา ภูเขาบานา เคยเป็นแหล่งท่องเที่ยวตากอากาศมาตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยด้านบนเป็นบ้านพักแล้วก็โรงแรมของชาวฝรั่งเศสสมัยเป็นเจ้าอาณานิคมตั้งแต่ปี 1919 ข้างหลังการสู้รบชาวฝรั่งเศสแพ้กลับประเทศไป บานาฮิลล์ถูกทิ้งร้างอยู่หลายปี กระทั่งถูกกลับมาซ่อมเป็นเมืองที่มีสถานที่สำหรับท่องเที่ยวมากมายเป็นจำนวนมากอีกทีในปี 2009 ซึ่งมีการสร้างตะกร้าลอยฟ้า 5,801 เมตร ที่ใช้เวลาถึง 50 นาทีสำหรับเพื่อการนั่งกระเช้าจากด้านล่างขึ้นไปด้านบน ค่าใช้จ่ายสำหรับเพื่อการก่อสร้างเคเบิลคาร์ช่วงแรกมีมูลค่า 17.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และก็ช่วงที่สร้างต่อเพิ่มไปถึงยอดดอย มีมูลค่า 5.7 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ บานาฮิลล์ ถูกสร้างขึ้นตามมาตรฐานยุโรปโดยบริษัทที่เป็นที่รู้จักจากประเทศออสเตรเลีย อุปกรณ์และก็เครื่องจักรนำเข้าจากยุโรป ตลอดทางประกอบไปด้วยเสา 24 ต้น มีทั้งสิ้น 94 เคบิน ตะกร้ามีทั้งยังแบบเปิดโล่งเตียนโอเพ่นแอร์กับแบบห้องกระจก แต่ละเคบินบรรทุกผู้โดยสารได้ 10 คน ข้างในหนึ่งชั่วโมงสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 1,500 คน

2.ท่องเที่ยวถ้ำฟองญา (Phong Nha Caves)
เวียดนาม เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีสถานที่สำหรับท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่มีนานาประการ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่เที่ยวที่มีความจำเป็นทางประวัติศาสตร์ หรือแม้กระทั่งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความงดงามรวมทั้งน่ามาเยือนมากแห่งหนึ่งของโลก และวันนี้เราจะขอเสนอแนะสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอีกทั้งความสวยสดงดงาม รวมทั้งความประทับใจ

โดยสถานที่เที่ยวที่โด่งดังของอุทยานแห่งชาติฟองญา-แก๋บ่าง คือ ถ้ำฟองญา (Phong Nha Cave) ฯลฯเกิดของแม่น้ำซอน (Son River) ที่สะสมน้ำจากใต้ดินไหลรวมกันมาจากด้านในถ้ำ และก็ได้รับการยอมรับจาก นักสำรวจถ้ำทั่วทั้งโลกว่า เป็นถ้ำลำดับแรกๆของโลก เพราะเป็นเจ้าของสถิติถึง 4 รายการดังเช่น น้ำลอดยาวที่สุดในโลก, โถงถ้ำเยอะที่สุด ยาวที่สุด และกว้างที่สุด

"อุทยานแห่งชาติฟองญา-แก๋บ่าง" (Phong Nha-Ke Bang National Park) คืออีกหนึ่งจุดมุ่งหมายด้านการท่องเที่ยวที่น่ามาเยือนมากมายแห่งหนึ่งของประเทศเวียดนาม เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีความเด่นทางธรรมชาติและก็ทางธรรีวิทยา ที่มีวิวัฒนาการมาตั้งแต่ยุคน้ำแข็ง (หรือโดยประมาณ 400 ล้านปี) โน่นก็เลยนำมาซึ่งการทำให้อุทยานที่นี้มีทำเลที่ตั้งแบบหินปูนที่เก่าแก่ที่สุดในเอเซีย อุทยานแห่งชาติฟองญา-แก๋บ่าง ตั้งอยู่ในอำเภอโบ๊จัก (Bo Trach) และอำเภอไม่ญหวา (Minh Hoa) ในเขตจังหวัดกว๋างบิ่ญ (Quang Binh) แล้วก็ติดชายแดนประเทศลาว ห่างจากกรุงฮานอยมาตอนใต้ราวๆ 500 กิโลเมตร ด้านในเขตอุทยานมีกรุ๊ปหินปูนมีขนาดพื้นที่ 857.54 ตารางกิโลเมตร อุทยานนี้มีชื่อเสียงในความสวยงามของถ้ำที่มีอยู่เยอะมากๆ รวมทั้งยังเป็นสถานที่ 1 ใน 2 ของโลกที่เป็นหินปูนที่มีสายธารใต้ดินขนาดใหญ่

3.เที่ยวอ่าวฮาทดลอง (Ha Long Bay)
ฮาลองเบย์ หรือ อ่าวฮาลอง เป็นสถานที่เที่ยวสำคัญอีกแห่งในประเทศเวียดนามที่ความโด่งดังดังไปทั่วทั้งโลก ซึ่งนักท่องเที่ยวทุกคนไม่ควรพลาดดู โดยตรงนี้ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติจากหน่วยงานองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติด้วยเหตุว่ามีความงดงามของธรรมชาติเยอะมาก

ฮาลองเบย์ เป็นอ่าวแห่งหนึ่งในพื้นที่ของอ่าวตังเกี๋ย เมืองฮาทดลองตั้งอยู่ทางตอนเหนือของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม อยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดกว่างนิงห์ ไม่ไกลจากกรุงฮานอยเมืองหลวง โดยห่างออกไปทางทิศตะวันออกประมาณ 170 กิโลเมตร และอยู่ใกล้กับเมืองจีน ฮาลองเบย์ มีพื้นที่ทั้งหมด 1,500 ตารางกิโลเมตร มีชายฝั่งยาว 120 กม. มีเกาะหินปูนจำนวน 1,969 เกาะโผล่พ้นขึ้นมาจากผิวทะเล บนยอดของแต่ละเกาะมีต้นไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น หลายเกาะมีถ้ำขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามซุกซ่อนอยู่

สำหรับประวัติความเป็นมา ฮาลองเบย์ มีชื่อตามการออกเสียงในภาษาเวียดนามว่า Vinh Ha Long คือ อ่าวมังกรผู้ดำตรง ตามตำนานประชาชนเวียดนามบอกกล่าวกันว่า ในสมัยก่อนที่ชาวเวียดนามกำลังทำศึกกับจีน เทวดาได้ส่งกองทัพมังกรลงมาช่วยเหลือ ซึ่งถัดมามังกรเหล่านี้ได้ดำดิ่งลงสู่ท้องทะเลรอบๆอ่าวฮาลอง ทำให้มีเพชรนิลจินดาแล้วก็หชูพุ่งกระเด็นออกมากลายเป็นเกาะแก่งน้อยใหญ่กระจายตัวเป็นเกราะคุ้มครองผู้รุกราน และก็บางตำนานเอ๋ยถึงสัตว์โบราณที่ชื่อว่า Tarasque ซึ่งมั่นใจว่าอาศัยอยู่ที่รอบๆตูดอ่าว

4.เที่ยวเมืองซาปา ท้องนาข้าวบนเขา (Sa Pa)
ซาขว้าง เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์เยอะที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศเวียดนาม ด้วยพื้นที่อันสวยที่กลุ้มรุมไปด้วยเทือกเขาจนได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลังคาโลกอินโดจีน ส่วนอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดปีทำให้เช้าของตรงนี้มีไอหมอกปกคลุมสวย ในแต่ละปี ซาปา ก็เลยล่อใจนักเดินทางจากทั่วทั้งโลกให้แวะเวียนมาท่องเที่ยวได้เยอะๆ

ในส่วนของประวัติความเป็นมา ซาปา เป็นเมืองเล็กๆที่นักท่องเที่ยวฝรั่งเริ่มเดินทางมาพักผ่อนตั้งแต่สมัยที่ฝรั่งเศสยังดูแลประเทศเวียดนาม โดยชาวตะวันตกรู้สึกชื่นชอบที่นี่เนื่องจากอากาศดีแล้วก็สงบเงียบ ต่อมาซาขว้างจึงโด่งดังและก็เป็นที่นิยมจากนักเดินทางมากขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมหลายหมื่นคนต่อปี


5.เที่ยวหมุยแหน ภูเขาทรายสองสี (The Sand Dunes of Mui Ne)
นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังที่แห่งนี้รับรองได้เลยว่าจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศที่ใกล้เคียงกับทะเลทรายเนื่องจากว่าเทือกเขาทรายที่หมุยแหนหรือที่หลายคนรู้จักกับสำเนียง "มุยเน่" นั้น มีขนาดใหญ่แล้วก็อยู่ติดกับริมหาด จึงมีแดดและลมที่แรงมากทีเดียว ตรงนี้มีเนินทรายอยู่ 2 แห่งหมายถึงภูเขาทรายขาวแล้วก็เทือกเขาทรายแดง ซึ่งเทือกเขาทรายขาวนั้นมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า Bau Trang รวมทั้งมีห้องอาหารขนาดเล็กเปิดบริการสำหรับนักท่องเที่ยวด้วยสำหรับเทือกเขาทรายแดงแม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่า แต่ว่าเป็นที่ชื่นชอบมากกว่าในสายตาของตากล้อง เนื่องจากสีทรายมีสีแดงเข้ม ถ่ายรูปออกมาแล้วสีงามกว่าที่ภูเขาทรายขาว ส่วนกิจกรรมยอดฮิต คือ การเล่นกระดานเลื่อนบนเนินทรายสูงลงมาข้างล่างซึ่งเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับเล่นนั้นสามารถหาเช่าได้จากร้านค้าที่ตั้งอยู่ใกล้ๆเทือกเขาทราย

ข้อมูลอื่นๆ : เปิดให้บริการตลอดทั้งปี แต่ขณะที่ดีเยี่ยมที่สุดสำหรับการมาเที่ยวคือ ตอนเวลาเช้าหรือไม่ก็ตอนเวลาเย็น ด้วยเหตุว่าตอนกลางวันถึงเวลาบ่ายนั้นอากาศแล้วก็แดดแรงมาก
เป็นไงบ้างขา สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆโดนๆในประเทศเวียดนาม มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติรวมทั้งประวัติศาสตร์ เรียกได้ว่ามาเวียดนามทั้งทีได้สัญจรท่องเที่ยวอย่างครบรสแน่ๆ ส่วนระยะทางก็ใกล้นิดเดียว รวมทั้งค่ายังชีพก็ไม่แพงอีกด้วยค่ะ

เทือกเขาทรายสองสีที่หมุยแหน นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังที่ที่นี้รับประกันได้เลยว่าจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศที่ใกล้เคียงกับทะเลทราย เพราะเหตุว่าเทือกเขาทรายที่หมุยแหนหรือที่หลายๆคนคุ้นเคยกับสำเนียง "มุยเน่" นั้น มีขนาดใหญ่และก็อยู่ชิดกับชายทะเล จึงมีแดดแล้วก็ลมที่แรงมากทีเดียว ที่นี่มีเนินทรายอยู่ 2 ที่เป็นเทือกเขาทรายขาวและภูเขาทรายแดง ซึ่งเทือกเขาทรายขาวนั้นมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า Bau Trang และก็มีห้องอาหารขนาดเล็กเปิดบริการสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย สำหรับภูเขาทรายแดงแม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่า แม้กระนั้นเป็นที่นิยมมากกว่าในสายตาของคนถ่ายภาพ ด้วยเหตุว่าสีทรายมีสีแดงเข้ม ถ่ายภาพออกมาแล้วสีงามกว่าที่เทือกเขาทรายขาว ส่วนกิจกรรมยอดฮิตหมายถึงการเล่นบอร์ดเลื่อนบนเนินทรายสูงลงมาข้างล่าง ซึ่งเครื่องใช้ไม้สอยสำหรับเล่นนั้นสามารถหาเช่าได้จากร้านค้าที่ตั้งอยู่ใกล้ๆภูเขาทราย

รายละเอียดเพิ่มเติม : เปิดให้บริการตลอดทั้งปี แม้กระนั้นขณะที่เยี่ยมที่สุดสำหรับการมาท่องเที่ยวหมายถึงช่วงเวลาเช้าหรือไม่ก็ตอนเย็นเพราะตอนกลางวันถึงช่วงเวลาบ่ายนั้นอากาศรวมทั้งแดดจัดมาก
เป็นไงบ้างขา สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆโดนๆในประเทศเวียดนาม มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติรวมทั้งประวัติศาสตร์ กล่าวได้ว่ามาเวียดนามทั้งทีได้เดินทางท่องเที่ยวอย่างครบรสแน่นอน ส่วนระยะทางก็ใกล้นิดเดียว รวมถึงค่ายังชีพก็ไม่แพงอีกด้วย

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ทัวร์เวียดนาม